เมนูนำทาง
อีริก บานา ประวัติบานาเกิดที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย[1] เป็นลูกคนสุดท้องในสองคน พ่อของเขาอีวาน ชาวโครเอเชีย เป็นผู้จัดการงานขนส่งบริษัทเคเทอร์พิลลาร์, อิงค์. และคุณแม่ชาวเยอรมัน อีลีนอร์ เป็นช่างทำผม บานาโตในย่านทูลลามารีน รัฐวิกตอเรีย เขตชานเมืองทางตะวันตกของเมือง ใกล้กับสนามบิน
ความสามารถทางด้านการแสดงในช่วงแรกของชีวิตเขา บานาเริ่มสร้างความประทับใจให้กับสมาชิกในครอบครัวตั้งแต่อายุราว 6 หรือ 7 ปี โดยการเลียนแบบท่าเดินของปู่เขาเอง รวมถึงเลียนเสียงและกิริยาท่าทาง ที่โรงเรียนเขาเลียนแบบครูเขาเองเพื่อให้รอดพ้นปัญหาต่าง ๆ[2] ในช่วงวัยรุ่น เขาได้ดูการแสดงของเมล กิ๊บสัน ในภาพยนตร์เรื่อง Mad Max (1979) และตัดสินที่จะเป็นนักแสดง[3] อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างจริงจังในการแสดง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1991 เมื่อเขาได้รับการชักชวนให้แสดงในสแตนด์อัพคอเมดี้ขณะที่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มในบาร์ ที่โรงแรมเมลเบิร์ลสคาสเซิล งานการแสดงสแตนด์อัพคอเมดี้ที่ผับในเมือง ไม่ทำให้เขาได้รายได้ที่ดีเท่าที่ควร เขาจึงทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่ม จัดโต๊ะ ตามเดิม[4][5]
ในปี ค.ศ. 1993 บานามีผลงานทางโทรทัศน์ครั้งแรกในรายการทอล์คโชว์ช่วงกลางคืนโดย สตีฟ วิซาร์ด ในรายการทูไนท์ ไลฟ์[6] ความสามารถทางด้านการแสดงของเขาเข้าตาโปรดิวเซอร์สเก็ตช์คอเมดี้ Full Frontal ซึ่งเขารับเชิญบานาไปร่วมเขียนบทและแสดง จนกระทั่ง 4 ปีผ่านไป บานาเริ่มเขียนบทจากประสบการณ์ของเขา อุปนิสัยของคนในครอบครัว และการล้อเลียน โคลัมโบ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ซิลเวสเตอร์ สตาล์โลน และทอม ครูซ ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา[7] ความสำเร็จนี้นำไปสู่การผลิตรายการโทรทัศน์ของเขาเองที่ชื่อว่า อีริก ในปี ค.ศ. 1996 เป็นรายการที่รวมมุข บุคลิกของคนในชีวิตทั่วไป และกระตุ้นให้เขาปล่อยรายการสเก็ตช์คอเมดี้ของเขาเองในรายการ ดิ อีริก บานา โชว์ เขียนบทและแสดงโดยบานาเอง ที่เป็นรายการล้อเลียน สแตนด์-อัพโชว์ และเชิญคนดังมาร่วมรายการ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและยุติการออกอากาศไป หลังจากออกอากาศไปเพียง 8 ตอน เพราะมีระดับความนิยมไม่ดี[6][8] แต่อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ. 1997 เขาได้รับรางวัลโลจีอวอร์ด ในสาขานักแสดงตลกยอดนิยม
ในปีเดียวกัน บานาได้แสดงภาพยนตร์ในออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์เรื่อง The Castle ที่เป็นเรื่องราวของครอบครัวชาวเมลเบิร์นที่ดิ้นรนเพื่อรักษาบ้านของเขาต่อการสร้างสนามบินเมลเบิร์นหลังจากรัฐบาลและองค์กรสนามบินบังคับให้พวกเขาย้ายออกไป ในบทตลกที่ชื่อ คอน เพโทรปูลัส นักบัญชีผู้เคยฝึกคิกบ็อกซิง The Castle ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ ทำรายได้ไป 10,326,428 เหรียญออสเตรเลีย ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิสในประเทศออสเตรเลีย[3][9]
ในปี ค.ศ. 1997 แม้ว่าจะขาดประสบการณ์ในบทดราม่า ผู้กำกับแอนดรูว์ โดมินิก ติดต่อบานาเพื่อเล่นภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง Chopper (2000) โดยเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับช็อปเปอร์ รีด อาชญากรชาวออสเตรเลีย โดมินิกใช้เวลาทั้งสิ้น 5 ปี แต่ไม่สามารถหานักแสดงที่รับบทเป็น รีด ได้ จนกระทั่งช็อปเปอร์ รีด ตัวจริงได้แนะนำ บานา ที่เขาเคยดูการแสดงล้อเลียนทางโทรทัศน์ และโดมินิกก็ได้ตกลงให้บานามีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้[10]
บานา ในบทบาท ช็อปเปอร์ รีด อาชญากรชาวออสเตรเลีย ในภาพยนตร์สร้างชื่อเรื่อง Chopperบานา ในบทบาท สิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน ในภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Downบานาในบทบาท อาชญากร ช็อปเปอร์ รีด ในภาพยนตร์สร้างชื่อ Chopper (2000) สำหรับบทบาทนี้ บานาโกนศีรษะและเพิ่มน้ำหนักอีก 30 ปอนด์[11] และใช้เวลา 2 วันอยู่กับ รีด เพื่อให้ลอกเลียนตัวเขาได้เหมือนยิ่งขึ้น และในระหว่างการถ่ายทำ เขามาถึงสถานที่ถ่าย ตี 4 และใช้เวลาอีก 5 ชั่วโมงกับการเขียนรอยสักให้เหมือน รีด[6] และแม้ว่าข้อจำกัดของภาพยนตร์ในการออกฉายนอกประเทศออสเตรเลีย บานาก็ยังได้รับเสียงวิจารณ์ทางบวก โรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ชมเชยบานาไว้ว่า "นักแสดงตลก อีริกบานา ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ค้นพบดาวดวงใหม่แล้ว[12] เขามีคุณลักษณะที่เรียกว่า ไม่มีโรงเรียนไหนที่สอนการแสดงแบบนี้และ ดาราที่เหมาะสมแบบนี้ คุณไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้"[3] ภาพยนตร์เรื่อง Chopper ประสบความสำเร็จทางด้านเสียงวิจารณ์และรายได้ในออสเตรเลียและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากรางวัลออสเตรเลียนฟิล์มอินสติติวต์ ในปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเขาได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากการประกาศรางวัลครั้งนี้ด้วย[13]
ในปี ค.ศ. 2001 ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ คัดเลือกบานาในบทบาททหารอเมริกัน แสดงภาพยนตร์เรื่อง Black Hawk Down (2001) สก็อตต์ประทับใจการแสดงของบานาใน Chopper โดยบานาไม่ต้องผ่านการทดสอบตัวนักแสดงเลย[14] ในภาพยนตร์เขารับบทเป็นสิบเอก 'ฮู้ต' กิ๊บสัน ในทหารหน่วยเดลต้า[15] ที่ต่อสู้หาทางออกใน เมืองโมกาดีชู ในประเทศโซมาเลีย หลังปฏิบัติการจับคุมตัวนายทหารสองนายที่ทรยศ แต่เกิดความผิดพลาด ภาพยนตร์เรื่องนี้ บานา ลดน้ำหนักหลังจากที่เพิ่มน้ำหนักใน Chopper และได้ออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดก่อนการถ่ายทำ เขายังได้ฝึกกับทหารหน่วยเดลต้าที่ ฟอร์ต แบรกก์ เรียนรู้อาวุธต่าง ๆ[16] ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกและขึ้นอันดับ 1 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสของเมริกาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในการเปิดตัว[17]
งานต่อไปของบานา คือภาพยนตร์ออสเตรเลียทุนต่ำเรื่อง The Nugget (2002) เป็นภาพยนตร์ตลกที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความมั่งคั่งชั่วคืนของชนชั้นแรงงาน 3 คน ภาพยนตร์ออกฉายด้วยความประสบความสำเร็จพอควร บานาได้อ่านบทหลังจากที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Chopper ในปี ค.ศ. 2000 และรู้สึกสนใจในตัวบทเพราะมันทำให้เขานึกถึงชีวิตวัยเด็กและตัวละครที่มีความสนุกสนานและน่ารัก[18] ขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Nugget บานาได้รับข้อเสนอให้รับบทของ บรูซ แบนเนอร์ ในภาพยนตร์ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนชื่อดังเรื่อง The Incredible Hulk หลังจากที่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ อั้งลี่ ทำให้เขาตัดสินใจรับบทบาทนี้ทันที[16] บานาชื่นชอบอั้งลี่จากภาพยนตร์เรื่อง The Ice Storm และเห็นด้วยกับรูปแบบการทำงานของอั้งลี่ที่ทำการถ่ายทำก่อนบทภาพยนตร์จะสมบูรณ์[19] เขารู้สึกสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะ "บุคลิกของบรูซ แบนเนอร์ มีความสามารถน่าทึ่งอยู่" และ "ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แบบทั่วไป"[19] ภาพยนตร์เรื่อง Hulk (2003) ไม่ได้รับเสียงวิจารณ์และทำรายได้ที่ดีนัก แต่บานาก็ได้รับคำชมจาก แจ็ก แมททิวส์ จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กเดลี่ กับบทบาทบรูซ แบนเนอร์ว่า "เป็นทิฐิที่ดีเยี่ยม"[20] บานาได้รับการเสนอชื่อรางวัลจากสถาบันภาพยนตร์ นวนิยายวิทยาศาสตร์ แฟนตาซีและสยองขวัญ ในสาขา "Cinescape Genre Face of the Future" จากภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่บานาก็ตัดสินใจไม่กลับมาเล่นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Hulk ในปี ค.ศ. 2008 อีก ซึ่งเขาเห็นว่าควรมีภาคเดียว แต่ในปี 2008 คนที่มารับบทแทนคือ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน[21]
ในปี ค.ศ. 2004 บานาร่วมแสดงกับแบรด พิตต์ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง Troy ในบทบาทเจ้าชายเฮกเตอร์ ผู้นำในม้าโทรจันที่บุกเข้ากรีก เพื่อต่อกรกับอคิลิส กำกับโดยวูล์ฟกัง ปีเตอร์สัน ผู้ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง Chopper ได้เสนอบทนี้ให้กับเขาหลังจากที่ได้พบแบรด พิตต์[22] ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ทำรายได้เฉพาะในอเมริกา 364 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอเมริกาเหนือ ทำรายได้ราว 133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[23]
หลังจากล้มเหลวจากภาพยนตร์เรื่อง Hulk และรายได้ที่น่าผิดหวังของภาพยนตร์เรื่อง Troy นักวิจารณ์ถามคำถามกับบานาเกี่ยวกับเรื่องภาพยนตร์ทุนสูง บานาให้คำตอบไว้ในนิตยสารเอ็มไพร์ว่า "มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ที่ Hulk ล้มเหลว และแน่นอนว่าถ้าการถ่ายทำนาน ก็หมายถึงการลงทุนสูง ถ้าผมไม่รู้สึกสบายใจกับผลที่ได้ ผมจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาผมก็มีความสุข ถึงแม้ถ้า Troy จะทำรายได้แค่ 50 เหรียญ ผมก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย"[24]
ต่อมาเขาแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Munich กำกับโดย สตีเฟน สปีลเบิร์ก เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความอื้อฉาว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมสังหารหมู่นักกรีฑาอิสราเอล 11 คน ในบ้านพักนักกีฬาระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกที่มิวนิก ประเทศเยอรมนีในปี ค.ศ. 1972 บานารับบทเป็นอาวเนอร์สายลับมอสสาด ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวอเมริกันเชื้อสายยิวหลังการถ่ายทำเสร็จ[25]
ในปี ค.ศ. 2006 บานาเป็นสมาชิกของจากสถาบันภาพเคลื่อนไหว ศิลปะและวิทยาศาสตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences หรือ AMPAS) จากการรับเชิญ[26] หลังจากนั้นภาพยนตร์เรื่อง Lucky You หนังรักที่บานาทำงานก่อนถ่ายทำเรื่อง Munich ออกฉายเมื่อต้นปี ค.ศ. 2007 ในภาพยนตร์เรื่อง Lucky You นี้รับบทเป็นฮัก ชีเวอร์ นักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพที่จะต้องเอาชนะการแข่งขันในลาสเวกัส ภาพยนตร์เรื่องต่อไปสร้างมาจากบันทึกส่วนตัวของ ไรมอน ไกตา ในภาพยนตร์ออสเตรเลียเรื่อง Romulus, My Father ที่ต้องต่อสู้ แบกรับภาระของลูกชายไว้ ได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดี และบานาก็ได้รับรางวัลเอเอฟไอ เป็นครั้งที่ 2 ในสาขานักแสดงนำ[27] จนนิตยสารอินไซด์ฟิล์มชมไว้ว่า "เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเขา"[28]
บานาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Other Boleyn Girl เสร็จกลางปี ค.ศ. 2006 เป็น ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ที่เขารับบทเป็น สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ร่วมกับสการ์เล็ตต์ โจฮันส์สัน และ นาตาลี พอร์ตแมน[29] และบานาตกลงที่จะแสดงในภาพยนตร์สร้างโดย ริดลีย์ สก็อตต์ เรื่อง Factor X (2008) ซึ่งจะรับบทบาทเป็นนักสืบที่ตามหาร่องรอยของ เดนนิส เรเดอร์ ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง[30] และเขายังรับบทตัวร้ายชื่อ นีโร ในภาพยนตร์การกำกับของ เจ. เจ. แอบรัมส์ เรื่อง Star Trek[31] และเขาจะเล่นในบทบาท เฮนรี เดอ แทมเบิล ในบทประพันธ์เรื่อง The Time Traveler's Wife ประพันธ์โดย ออเดรย์ นิฟฟีเนกเกอร์ ออกฉายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2009[32] บานาแสดงร่วมกับอดัม แซนด์เลอร์และเซธ โรเกน ในผลงานกำกับเรื่องที่ 3 ของจัดด์ อพาโทว์ เรื่อง "Funny People" ถือเป็นเรื่องแรกที่เขาปรากฏตัวสู่วงการตลกเป็นครั้งแรก[33]
ในปี ค.ศ. 2009 บานาออกผลงานภาพยนตร์ที่กำกับและหาทุนเองเองแนวสาคดีที่เรียกว่า Love the Beast มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขากับรถคันแรกและการเป็นคนรักรถ ไปกับการแนะนำและความคิด จากเพื่อนอันยาวนานของเขา เช่นเดียวกับบุคคลมีชื่อเสียงอย่าง เจย์ เลโน, เจเรมี คลาร์กสัน และดร. ฟิล
เมนูนำทาง
อีริก บานา ประวัติใกล้เคียง
อีริก บานา อีริก โลแมกซ์ อีริกเซ็นต์ เย ลอสัน อีริก บัลโฟร์ อีริก จอห์นสัน อีริก คาร์เมน อีริก ลาเรย์ ฮาร์วีย์ อีริก อีริกสัน อีริก สตอลต์ซ อีริก โรแวนแหล่งที่มา
WikiPedia: อีริก บานา http://www.laurenbergman.com.au/eric_bana.htm http://www.news.com.au/entertainment/story/0,23663... http://www.news.com.au/heraldsun/story/0,21985,199... http://www.romulusmyfather.com.au/quotes.html http://www.theage.com.au/news/TV--Radio/Sympathy-f... http://www.abc.net.au/news/stories/2007/12/06/2112... http://www.bangkokbiznews.com/2006/01/31/WW50_WW50... http://boxofficemojo.com/movies/?id=troy.htm http://www.dailynews.com/gossip/ci_5732903 http://e-bana.com